Eco Car เป็นหนึ่งทางเลือกรถยนต์ประหยัดน้ำมัน ด้วยมาตรฐานเครื่องยนต์ขนาด 1,300 cc สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ 1,400 cc เครื่องยนต์ดีเซล รวมถึงอัตราการใช้น้ำมัน 5 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตรและด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่ดี และรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย ทำให้รถอีโคคาร์เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ทั้งยังเป็นรถยนต์ราคาถูกแต่มีฟังก์ชั่นต่างๆ ครบครันมากๆ และจะช่วยให้คุณประหยัดขึ้นไปอีกหากดูแลรอีโคคาร์อย่างถูกต้อง ดังนี้
- ไม่ควรบรรทุกเกิน
รถยนต์แต่ละคันจะมีระบุประมาณของน้ำหนักที่สามารถรองรับได้ เพราะหากบรรทุกน้ำหนักเกินจะทำให้เครื่องยนต์ใช้น้ำมันมากขึ้น และยังมีผลต่อการสึกหรอสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถยนต์ขนาดเล็กอย่างรถ Eco car การแบกน้ำหนักไว้บนรถจะยิ่งเพิ่มอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงมากขึ้น
- รักษาลมยางให้พอดี
ลมยาง คือ สิ่งที่เดินทางสายกลางไว้ดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะเดินทางเมื่อไหร่การตรวจวัดลมยางอยู่เสมอจะช่วยทำให้คุณปลอดภัยในการเดินทาง ช่วยให้รถยนต์ไม่ชำรุดเสียหาย และช่วยให้ประหยัดเงินได้ เพราะถ้าลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางมีความเสียดสีมาก จนทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก แต่ถ้าเติมลมยางแข็งเกินไปจะเป็นอันตรายต่อการขับขี่ส่งผลให้หน้ายางเสียดสีกับพื้นถนนน้อยเกินไป หรืออาจทำให้ยางเกิดระเบิดได้นั่นเอง
- ดับเครื่องถ้าจะต้องจอดนานๆ
หลายๆ คนคิดว่าการจอดพักรถนั้นจะต้องติดรถไว้ แต่จริงๆ แล้วถ้าหากว่าเราจะต้องจอดพักตั้งแต่ 3 นาทีขึ้นไป จะทำให้เครื่องร้อนจัด และยังกินเชื้อเพลิง เพื่อประหยัดมากขึ้นจึงควรดับเครื่องไว้ดีกว่า และยังควรใช้เครื่องปรับอากาศเท่าที่จำเป็นการใช้เครื่องปรับอากาศทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น และจะมีความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 10% เลยทีเดียว ดังนั้นถ้าจอดพักควรดับเครื่องยนต์จะดีกว่า
- ขับรถด้วยความไม่ประมาท
ขับรถเร็วในการใช้รถทางไกล จะทำให้เปลืองน้ำมันมากขึ้นทั้งที่ไม่มีความจำเป็น ในกรณีที่ท่านขับรถที่มีความเร็ว 80 กม./ชม. จะประหยัดน้ำมันได้ถึง 10-15 เปอร์เซ็นต์ และไม่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็สึกหรอมากเกินไปได้อีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทริคดูแลรถยนต์ Eco Car ที่จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งกว่า นอกจากนี้แล้วเราควรเลือกซื้อประกันสักตัวติดรถ เพื่อความอุ่นใจตลอดการเดินทาง ซึ่งหลายคนขับรถมานานก็มีความชำนานแล้ว ไม่อยากจะเสียค่าเบี้ยประกันชั้น 1 แพงๆ ลองเลือกประกัน 2+ ที่จะช่วยคุ้มครองได้เท่าๆ กับประกันชั้น 1 แต่ประกัน 2+ จะให้คุณจ่ายค่าเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิมเยอะเลย
